Close Menu
    Facebook X (Twitter) Instagram
    Facebook X (Twitter) Instagram YouTube
    Login
    ลาวสแควร์ลาวสแควร์
    • หน้าแรก
    • ห้องข่าว
    • ศูนย์ข่าวสาร
      • ข้อมูลพื้นฐาน
        • 50 ชนเผ่าลาว
      • หน่วยงานรัฐ
      • งานราชการ
        • จดทะเบียนสมรส
      • กฎหมาย
        • กฎหมาย ลาว
      • ภาษาไทยลาว
        • ภาษาลาวพื้นฐาน 1
        • คำศัพท์ลาว
        • คู่มือเรียนหนังสือลาวไทย
      • ประวัติบุคคล 2 ฝั่งโขง
      • ประวัติศาสตร์
      • สถานที่สำคัญ
      • สถานที่ท่องเที่ยว
      • ภาคเอกชน
      • บริการสาธารณะ
      • กิน เที่ยว ดื่ม ช้อป
    • มีเดีย
      • E-Book
        • E-Book ไทย
        • E-Book ลาว
      • E-Doc
        • E-Doc ไทย
        • E-Doc ลาว
      • E-Form
        • ภาษาไทย
        • ภาษาลาว
      • ฟอนต์ลาว
      • Sketchup
      • รูปภาพ
      • วีดีโอ
    • เกี่ยวกับเรา
      • Projects
        • [2016] Laostar TV
        • [2016] Laostar Journey
        • [2017] Let’s stay navigator
        • [2017] ร้านเฝอหลัก 8
        • [2018] Lao Jetski Inter
        • [2018] สนามมวยห้วยหงส์
        • [2018] Lao offroad 4th
        • [2019] Laoworld PLC
      • แฟ้มสะสมผลงาน
        • Presentation
        • Sketchup
        • Graphic design
      • งานถ่ายภาพ
        • ภาพบุคคล
        • ภาพงานอีเว้นท์ และอื่นๆ
      • ทีมตากล้อง
        • Pakae
        • Game
        • Airnoy
        • Anusone
        • Skai
        • Alex
        • Alao
    • ติดต่อเรา
    ลาวสแควร์ลาวสแควร์
    หน้าแรก » ศูนย์ข่าวสาร » หน่วยงานรัฐ » ด่านศุลกากรหนองคาย

    ด่านศุลกากรหนองคาย

    Having not yet visited Sector 10, follow these steps for a free upgrade.
    Updated:ม.ค. 18, 2025154 Views
    Facebook Twitter WhatsApp Email Copy Link
    ด่านศุลกากรหนองคาย

    ประวัติความเป็นมา

    จังหวัดหนองคาย เดิมเป็นเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่ง ตามพงศาวดารกล่าวว่า เมื่อ พ.ศ. 2321 พระยาจักรี และพระยาสุรสีห์ยกทัพไปตีเมืองลานช้าง (เวียงจันทน์) โดยผ่านทางเรือจากนครจำปาศักดิ์ ตีได้เมืองนครพนม และ “เมืองหนองคาย” ในรัชสมัยของรัชกาลที่ 3 พุทธศักราช 2369 เจ้าอนุวงศ์แห่งเมืองเวียงจันทน์แข็งข้อไม่ยอมอ่อนน้อมต่อไทย ยกทัพลงไปตีกรุงเทพฯ ถึงเมืองนครราชสีมา 

    พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาราชสุภาวดีซึ่งต่อมาคือ เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เป็นแม่ทัพต่อสู้กับเจ้าอนุวงศ์จนได้รับชัยชนะ แล้วโปรดเกล้าให้บำเหน็จความดีความชอบแก่แม่ทัพนายกอง โปรดเกล้าให้ท้าวสุวอ (บุญมา) อัครฮาด หลานเจ้าพระยาวิชัยราชขัติยวงศา (หน้า) เจ้านครจำปาศักดิ์ เลือกเมืองพานพร้าว เมืองเวียงคุก เมืองปะโค และบ้านไผ่ ตั้งเป็นเมืองขึ้นใหม่ ท้าว สุวอ(บุญมา) เห็นว่าบ้านไผ่เหมาะสมที่จะเป็นเมืองมากกว่าเมืองอื่น ๆ ซึ่งพระราชสุภาวดีตรวจดูแล้วเห็นพ้องด้วย จึงพระราชทานนามว่าเมืองหนองคาย และโปรดเกล้าฯ ท้าวสุวอ (บุญมา) เป็นพระปทุมเทวาภิบาลครองเมืองหนองคาย ตั้งแต่จุลศักราช 1189 ร.ศ. 46 พุทธศักราช 2370 เป็นต้นมา

    ในครั้งนั้นการจัดเก็บภาษีอากรใช้วิธีประมูลผูกขาดตัดตอน ผู้ได้รับอนุญาตให้ผูกขาดในการจัดเก็บภาษี เรียกว่า “เจ้าภาษี” และเรียกสถานที่ตั้งเก็บว่า “โรงภาษี” สถานที่สำหรับเจ้าพนักงานไปดักตรวจตราคนเข้าออก สดับตรับฟังข่าวเหตุการณ์บ้านเมือง และตรวจตราไม่ให้มีการลักลอบค้าอาวุธหรือของต้องห้ามเรียกว่า “ด่าน” และเรียกผู้เป็นหัวหน้าว่า “ขุนด่าน” โรงภาษีกับด่านจึงแยกกันเป็นเอกเทศ 

    สถานที่ทั้งสองแห่งอยู่ห่างไกลกันไม่สะดวกแก่ราษฎรในการติดต่อ ในสมัยรัชกาลที่ 4 จึงได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ฯ ว่าที่สมุหกลาโหม ออกหมายประกาศเมื่อ วันที่ 5ฯ12 1 ปีฉลู สัปตศกจุลศักราช 1227 สั่งว่า “ตั้งแต่นี้สืบไปให้บังคับเจ้าภาษีให้ยกโรงภาษีบรรดาตั้งเก็บเรียกอยู่ ณ แขวงหัวเมืองให้มารวมตั้งติดอยู่กับด่านจงทุกแห่งทุกตำบล ราษฎรจอดด่านแล้วให้เจ้าภาษีมาตรวจดูสิ่งของที่ต้องตามภาษีให้เจ้าภาษีเรียกเก็บเอาแต่ราษฎรตามพิกัดท้องที่ เมื่อเจ้าภาษีมีความวิวาทราษฎรจะได้อ้างชาวด่านเป็นพยานถ้าชาวด่านจับของต้องห้ามได้หรือชาวด่านวิวาทกับราษฎรจะได้อ้างเจ้าภาษีเป็นพยานห้ามมิให้ภาษีแยกย้ายตั้งอยู่ห่างจากด่านเหมือนแต่ก่อน” 

    เมืองหนองคายจึงกำหนดให้ด่าน และโรงภาษีมาตั้งรวมกันที่บริเวณเดียวกันสันนิษฐานว่าตั้งอยู่บริเวณท่าเรือตลาดหลวง และท่าเทียบเรือวัดหายโศก ตำบลมีชัย อำเภอเมือง ในปัจจุบัน

    ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้เลิกวิธีประมูลผูกขาด เป็นรัฐบาลจัดเก็บเอง “ด่าน” และ “โรงภาษี” จึงเปลี่ยนเป็น “ด่านภาษี” และต่อมาได้กลายเป็น “ด่านศุลกากร” จนทุกวันนี้

    พุทธศักราช 2420 พระปทุมเทวภิบาล (เคน) เป็นเจ้าเมืองหนองคาย พวกฮ่อได้รวมกำลังกันเข้าเป็นจำนวนมาก ตีเมืองเวียงจันทน์ได้ และตั้งกองบัญชาการขึ้นที่เมืองเวียงจันทน์ ขณะนั้นเจ้าเมืองไม่อยู่ได้มอบให้ท้าวจันทน์ศรีสุราชรักษาเมืองแทน เมื่อพวกฮ่อยกพลมุ่งหน้าสู่เมืองหนองคายท้าวจันทน์ศรีสุราชพาครอบครัวหนีไปอยู่บ้านสามพร้าว จังหวัดอุดรธานี ทางด้านเมืองโพนพิสัย พระยาพิไสยสรเดช (หนู) กับกรมการเมือง และราษฎรก็พากันหนีออกจากเมืองไปด้วย 

    ทางกรุงเทพฯ เมื่อได้ทราบข่าวก็มีพระบรมราชโองการให้พระยามหาอำมาตย์ ซึ่งตั้งทัพปราบฮ่อที่เมืองอุบลราชธานี ยกทัพเข้าเมืองหนองคายเพื่อป้องกันเมือง และสั่งให้จับท้าวจันทน์ศรีสุราช และพระยาพิไสยสรเดชประหารชีวิตเสียทั้งคู่ เสร็จแล้วพระยามหาอำมาตย์เกณฑ์กำลังจากหลายหัวเมือง เช่น นครพนม อุบลราชธานี เขมราฐ เป็นต้น ยกไปตีเมืองเวียงจันทน์ที่ฮ่อยึดไว้ได้ และกวาดต้อนเชลยจากเวียงจันทน์มาสู่เมืองหนองคาย 

    ครั้งพุทธศักราช 2427 พวกฮ่อรวมกำลังหวนกลับมาอีก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมทรงคุมกองทัพขึ้นไปสมทบปราบฮ่อ ซึ่งตั้งมั่นอยู่ที่เมืองเชียงขวาง และทุ่งเชียงคำ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม จึงดำรัสให้พระอมรวิไสยสรเดช (โต บุนนาค) ยกทัพไปสมทบปราบฮ่อ คราวนี้กองทัพไทยเอาปืนใหญ่ยิงเข้าไปในค่ายของฮ่อ ฮ่อเกิดสับสนอลหม่านในที่สุดก็แตกหนีไป กองทัพไทยจึงกลับเมืองหนองคาย เมื่อเหตุการณ์สงบเรียบร้อยแล้วกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมจึงโปรดให้สร้างอนุสาวรีย์ปราบฮ่อขึ้นที่จังหวัดหนองคาย เพื่อเป็นอนุสรณ์วีรกรรมทหารหาญที่ได้สู้รบกับพวกฮ่อ และบรรจุอัฐิของผู้เสียชีวิตในการสู้รบ

    พ.ศ. 2434 ภายหลังปราบกบฏฮ่อ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม เป็นสมุหเทศาภิบาลประจำมณฑลลาวพวน (ต่อมาเป็นมณฑลฝ่ายเหนือ และมณฑลอุดร) ตั้งที่ทำการมณฑลอยู่ที่เมืองหนองคาย พ.ศ. 2436 

    ภายหลังเหตุการณ์ ร.ศ. 112 ไทยเสียดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงให้แก่ฝรั่งเศส จึงได้ย้ายที่ทำการมณฑลไปตั้งอยู่บริเวณบ้านเดื่อหมากแข้ง และตั้งเป็นมณฑลอุดรมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 6 พ.ศ. 2457 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติปกครองท้องที่ โดยให้ยกเลิกระบบเจ้าปกครองนคร ในวันที่ 1 เมษายน 2458 จึงโปรดเกล้าให้ประกาศตั้งเมืองหนองคายขึ้นเป็นเมือง โดยมีข้าหลวงปกครองคนแรกชื่อว่าพระยาสมุทรศักดารักษ์ (เจิม วิเศษรัตน์)

    การบังคับบัญชาด่านภาษีในครั้งนั้นยังขึ้นต่อข้าหลวงปกครอง อัตราการจัดเก็บภาษียังคงเป็นภาษีร้อยชักสามตามสนธิสัญญาบาวริ่งซึ่งได้ให้สัตยาบันกับอังกฤษ เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2399 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตราบจนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงตัดสินพระทัยเข้าร่วมรบกับฝ่ายพันธมิตรในมหายุทธสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2460 และเป็นฝ่ายมีชัยชนะ ทำให้ไทยมีสิทธิเสียงพูดจากร้องอุทธรณ์เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม และเสมอภาคในเรื่องสิทธิสภาพนอกพระราชอาณาจักรเขต และสิทธิในการเก็บภาษีศุลกากรให้เท่าเทียมกับนานาอารยะประเทศ 

    จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้พระยาสรรพกิจปรีชา อัคราชทูตสยามกรุงโรมเป็นผู้แทนรัฐบาลสยาม ลงนามในหนังสือสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยพิธีการศุลกากรกับโปรโตคล พร้อมกับผู้แทนรัฐบาลนานาประเทศที่กรุงเยเนวา เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2469 เป็นต้น สืบไปเป็นผลให้ประเทศไทยรับสิทธิในการเก็บภาษีศุลกากรเท่าเทียมกับนานาประเทศ และได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติพิกัดอัตราศุลกากรฉบับปฐมฤกษ์ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2469 ราชการศุลกากรจึงได้มีการจัดระเบียบ และปรับปรุงพัฒนาเพื่อให้ทันสมัยมาตามลำดับ

    ด่านศุลกากรหนองคาย เป็นด่านศุลกากรทางบกมีเขตแดนติดกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีแม่น้ำโขงเป็นเส้นกั้นเขตแดน ในอดีตเป็น “ด่านเก็บภาษี” ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2458 ขึ้นอยู่กับข้าหลวงปกครอง (เจ้าเมืองหนองคาย) ในปีเดียวกันนั้นเอง ได้มีการโอนด่านเก็บภาษีจากกระทรวงมหาดไทยไปขึ้นกับกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ สังกัดกรมสรรพากร จนกระทั่งปี พ.ศ. 2462 ได้มีการโอนด่านเก็บภาษีจากกรมสรรพากรไปขึ้นกับกรมศุลกากร 

    ตั้งแต่นั้นมา “ด่านภาษีหนองคาย” จึงสังกัด กรมศุลกากร และในปี 2481 ได้มีกฎกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2481 กำหนดเขตด่านศุลกากรหนองคาย และกำหนดให้ด่านศุลกากรหนองคายเป็นท่า หรือที่สำหรับการนำของเข้า และส่งของออกได้ทุกประเภท อีกทั้งได้มีกฎกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 10 ลงวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2486 กำหนดด่านพรมแดนท่าบ่อ ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ขึ้นกับด่านศุลกากรหนองคาย 

    ในระยะแรกได้ฝากให้กรมสรรพากรเป็นผู้ดูแลด่านศุลกากรหนองคาย จนกระทั่งปี พ.ศ. 2485 กรมศุลกากรได้แต่งตั้งนายสิทธิ สิทธิพงษ์ ไปปฏิบัติหน้าที่นายด่านศุลกากรหนองคายเป็นคนแรก แต่เดิมที่ทำการด่านศุลกากรหนองคายตั้งอยู่ที่ท่าเรือตลาดหลวง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย เป็นอาคาร 2 ชั้น สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2493 ชั้นบนเป็นที่ทำการของสำนักงานศุลกากรภูมิภาคที่ 2 ส่วนชั้นล่างเป็นที่ทำการของด่านศุลกากรหนองคาย และด่านตรวจพืชจังหวัดหนองคาย 

    แต่เนื่องจากพื้นที่คับแคบพ่อค้าประชาชนไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร ประกอบกับอาคารดังกล่าวได้รับการอนุรักษ์เป็นอาคารประวัติศาสตร์ไม่สามารถปรับปรุงเพิ่มเติมได้ ด่านศุลกากรหนองคายจึงได้ย้ายไปอยู่ที่ศูนย์ราชการจังหวัดหนองคาย ตั้งอยู่ที่ถนนมิตรภาพ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2535

    เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2558 ด่านศุลกากรหนองคายได้ย้ายที่ทำการจากถนนมิตรภาพ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย มาปฏิบัติงานที่อาคาร ด่านศุลกากรหนองคาย (ชั่วคราว) ถนนเฉลิมพระเกียรติ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย แล้ว เนื่องจากที่ทำการเดิม มีพื้นที่จำนวน 8 ไร่ สถานที่คับแคบ ไม่สามารถปรับปรุงสถานที่หรือก่อสร้างอาคารเพิ่มเติมเพื่อรองรับการปฏิบัติงานที่เพิ่มขึ้นได้ จึงได้ย้ายมาปฏิบัติงานที่อาคารด่านศุลกากรหนองคาย (ชั่วคราว) ภายในพื้นที่ก่อสร้างด่านศุลกากรหนองคายแห่งใหม่ บนพื้นที่ 40 ไร่ ซึ่งด่านฯ ได้รับงบประมาณจากกรมศุลกากร จำนวน 220 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2559 – 2562 เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างด่านศุลกากรหนองคาย และลานตรวจสินค้าแห่งใหม่ พร้อมสิ่งปลูกสร้างประกอบ

    ปัจจุบันด่านศุลกากรหนองคายได้ย้ายมาที่ทำการแห่งใหม่ เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2562 และได้ทำพิธิเปิดอาคารที่ทำการด่านศุลกากรหนองคายแห่งใหม่ เมื่อวันเสาร์ที่ 30 มีนาคม 2562 เวลา 09.09 น. โดยมีนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมศุลกากร เป็นประธาน ในพิธี โดยมีนายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย และนายเกียรติคุณ ชาติประเสริฐ เอกอัครราชทูตไทย ณ เวียงจันทน์ ให้เกียรติร่วมเปิดแพรคลุมป้ายชื่อด่านศุลกากรหนองคาย และได้ร่วมกันปลูกต้นรวงผึ้ง ต้นไม้ประจำรัชกาลที่ 10 เป็นที่ระลึกในพิธีเปิดอาคารที่ทำการด่านศุลกากรหนองคายแห่งใหม่

    ที่อยู่ติดต่อ

    224 หมู่ 2 ตำบลหนองกอมเกาะ อำเภอเมือง  จังหวัดหนองคาย
    โทรศัพท์ : 042-990-900, 042-990-901, 
    042-990-904, 042-990-905
    โทรสาร : 042-990-906
    อีเมล : 93000000@customs.go.th
    เว็บไซต์ : https://nongkhai.customs.go.th

    แผนที่

    ด่านศุลกากร หนองคาย หนองคาย-เวียงจันทน์ ไทย
    Share. Facebook Twitter Email WhatsApp Copy Link

    โพสต์ ที่เกี่ยวข้อง

    Passport ไทย ไปที่ไหนได้บ้าง ไม่ต้องใช้วีซ่า 2025

    เม.ย. 16, 2025111 Views

    องค์การตรวจตราแห่งรัฐ แห่ง สปป. ลาว

    มิ.ย. 22, 2024111 Views

    องค์การ อัยการประชาชนสูงสุด แห่ง สปป. ลาว

    มิ.ย. 22, 2024123 Views

    บทความที่มีผู้อ่านในรอบ 30 วัน

    [EP-12] เอกสารที่ต้องแปล และรับรองทะเบียนศาลที่ฝั่งลาวมีอะไรบ้าง?

    จดทะเบียนสมรส เม.ย. 18, 2025

    ฟอนต์ โนโต ซานส์ ลาว (Noto Sans Lao)

    ฟอนต์ลาว ธ.ค. 1, 2023

    รหัส USSD สำหรับเครือข่ายโทรศัพท์ในประเทศลาว

    เทคโนโลยี ต.ค. 30, 2023

    บรรดา 50 ชนเผ่าใน สปป. ลาว

    ข้อมูลพื้นฐาน ส.ค. 3, 2016

    ทางหนึ่งซึ่งหวัง | The Innocent

    Chord and Lyrics พ.ค. 13, 2025
    1 2 3 … 88 Next

    เว็บแหล่งข้อมูล ข่าวสารต่างๆ ด้านเศรษฐกิจ สังคม ชีวิตความเป็นอยู่ สำหรับคนไทยใช้ชีวิตอยู่ใน สปป.ลาว และคนลาวที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย

    Facebook X (Twitter) YouTube WhatsApp
    โพสต์ล่าสุด

    ขั้นตอน และวิธีการยื่นเอกสารการแต่งงานระหว่างคนลาว กับคนต่างประเทศ

    มิ.ย. 10, 20250 Views

    [EP-17] รับรองเอกสารฝ่ายลาว ที่กรมกงสุล สปป.ลาว ขั้นตอนสุดท้ายทางฝั่งลาว

    มิ.ย. 5, 20258 Views

    เอกลักษณ์ชนเผ่าลาว – เผ่ากึมมุ

    มิ.ย. 4, 202515 Views
    โพสต์ยอดนิยม

    เพลงชาติประเทศไทย พร้อมเนื้อร้องแปลภาษาไทย เป็นภาษาลาว (คาราโอเกะ)

    พ.ค. 19, 20245,757 Views

    เพลงชาติประเทศลาว พร้อมเนื้อร้องแปลภาษาลาว เป็นภาษาไทย (คาราโอเกะ)

    ธ.ค. 6, 20235,581 Views

    เทศกาลบุญกินเจียง 2019 งานประเพณีของชนเผ่าม้ง ที่หลัก 10 นครหลวงเวียงจันทน์

    ธ.ค. 9, 20183,821 Views

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    Go to mobile version

    Sign In or Register

    Welcome Back!

    Login below or Register Now.

    Lost password?

    Register Now!

    Already registered? Login.

    A password will be e-mailed to you.